ตำนาน “หอกศักดิ์สิทธิ์” ที่คนทั่วโลกเชื่อว่าใช้แทงพระเยซูเมื่อ 2000 ปีก่อน

หอกศักดิ์สิทธิ์

หลายๆท่านที่ชื่นชอบความลี้ลับที่เกี่ยวข้องกับของศักดิ์สิทธิ์น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของ ” หอกศักดิ์สิทธิ์ ” กันมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยตามตำนานนั้นเขาเชื่อกันว่าเป็นหอกที่ใช้แทงพระเยซู ซึ่งแน่นอนว่าโลหิตของพระองค์ (ตามตำนานถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก) จะต้องชะโลมอยู่ที่หอก ทำให้ผู้ที่ได้ครอบครองนั้นจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในโลก


หอกศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆก็ต้องการแม้แต่ชายที่ชื่อว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

ตำนานของ หอกศักดิ์สิทธิ์ ได้ถูกเล่าขานต่อๆกันมาเป็นเวลามากกว่า 2000 ปี ซึ่งแต่ละประเทศทางฝั่งยุโรปก็จะมีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันไปแต่ส่วนใหญ่นั้นจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ที่ได้ครอบครองหอกศักดิ์สิทธิ์จะมีอำนาจเหนือกว่าใครๆในโลก ซึ่ง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เชื่อเรื่องตำนานหอกศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดบุกไปออสเตรเลียเพื่อยึดหอกศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตัวเองเลยทีเดียว

adolf hitler

ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2482 หอกศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกดูแลโดยพิพิธภัณฑ์ Hofburg Museum ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในตอนนั้นข่าวการค้นพบหอกศักดิ์สิทธิ์โด่งดังอย่างมากจนทำให้หลายๆคนทั่วโลกต่างสนใจรวมถึงพ่อหนุ่ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ด้วยเช่นกัน

เดิมทีฮิตเลอร์เป็นคนที่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อมีข่าวของหอกศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เชื่อว่าจะต้องมี จอกศักดิ์สิทธิ์ อีกหนึ่งแรร์ไอเทมในตำนานของศาสนาคริสต์ด้วยเช่นกัน และด้วยความที่ฮิตเลอร์เป็นคนทะเยอทะยานอยากจะเป็นผู้นำของโลกใบนี้ เขาจึงมีความคิดที่รวบรวมของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมาไว้กับตนเอง

และในเวลาต่อมาเมื่อฮิตเลอร์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในประเทศเยอรมันนี กองทัพของฮิตเลอร์ก็ได้เริ่มต้นบุกประเทศออสเตรเลียเพื่อเริ่มต้นแผนการณ์ขยายอำนาจเป็นที่แรก และเมื่อเขายึดออสเตรเลียได้สิ่งแรกที่เขาทำก็คือไปยึดหอกศักดิ์สิทธิ์จากพิพิธภัณฑ์ฮอฟบูร์ก นำมาฝังไว้ใต้ดินด้านล่างของปราการนูเรมเบิร์ก

อาจจะด้วยความศักดิ์สิทธ์ของหอกหรืออะไรก็ไม่อาจทราบได้ ทำให้กองทัพนาซีแผ่ขยายอำนาจออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายฮิตเลอร์ก็ไปไม่ถึงฝัน เขาแพ้สงครามและยิงตัวตายไปในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2488


holylance

หอกศักดิ์สิทธิ์ ถูกพบเจออีกครั้งในวันเดียวกับที่ฮิตเลอร์ยิงตัวตาย ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำกลับมาจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Hofburg Museum ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลียอีกครั้ง ซึ่งทุกๆท่านสามารถไปรับชมกันได้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่มีมนต์ขลังและเสน่ห์ที่น่าติดตามของ หอกศักดิ์สิทธิ์ วัตถุโบราณของศาสนาคริสต์นั่นเอง

0