History

เปิด 5 อันดับรถที่เร็วและแรงที่สุดในโลก

คงจะหลีกเลี่ยงกันเลยไม่ได้ว่า รถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยใ

Written by mediumthai mediumthai
· 15 sec read >

คงจะหลีกเลี่ยงกันเลยไม่ได้ว่า รถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการใช้ชีวิตของผู้คน ส่วนใหญ่แต่นั่นจะมีไว้ใช้งานทั่วๆไปแล้ว แต่สมรรถนะความเร็วแรง พร้อมกับชนิดที่ว่า แซงทางด่วนป่วนตำรวจไปเลย ใครอยากรู้ว่าตัวท็อปเจ๋งขนาดไหน เตรียมตัวให้พร้อมแล้วสิ่งขับไปกับกันเราเลยจ้า

5 รถยนต์ที่เร็วและแรงที่สุดในโลก

1. Mclaren Speedtaill

McLaren Speedtail ผลิดในปี 1989 ในฐานะรถยนต์ Hyper-GT คันแรกของค่าย และสามารถทำ top speed ได้สูงกว่ารถยนต์รุ่นอื่นใดในบริษัทและขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Hybrid พละกำลังทะลุระดับ 1,000 แรงม้า ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1,430 กิโลเมตร McLaren Speedtail จึงทำอัตราเร่ง 0 – 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 12.8 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 402.3กิโลเมตร/ชั่วโมง McLaren Speedtail ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 106 คัน สนนราคาที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 1,600,000 ปอนด์ (ราว 68,000,000 บาท)เลยทีเดียว

2.Bugatti Chiron Super Sport 300+

Chiron Super Sport 300+ ได้เปิดตัวใหม่ล่าสุดมาและได้ตัวถังอัพเกรดแอร์โร่ไดนามิคเต็มรูปแบบ เพิ่มความลู่ลม ลดแรงต้านอากาศ เพื่อรองรับการสร้างสถิติความเร็วสูงสุดรอบใหม่ ว่ากันที่ระดับ 300+ ไมล์/ชม. (ตามชื่อรุ่น) ขณะที่กำลังจากเครื่องยนต์ขยับไปเป็น 1,600 PS และสถิติโลกรอบใหม่ ถูกสร้างขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 ด้วยความเร็ว 304.773 ไมล์/ชม. หรือ 490.484 กม./ชม.!!!ใช้ขุมพลัง W-Engine จำนวน 16 สูบใช้ปริมาตรกระบอกสูบ 7,993 ซีซีChiron Super Sport 300+ มาพร้อมสีพิเศษ Jet Orange จะถูกผลิตในรูปแบบ Limited Edition จำกัดเพียง 30 คัน ค่าตัวสูงแตะ 3.5 ล้านยูโร หรือ 117,747,000 ล้านบาทไทย (10/2019) แบบยังไม่รวมภาษีนำเข้า ราคานี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเศรษฐีตัวจริง เพราะทั้ง 30 คัน ถูกจองครบเรียบร้อย และทาง Bugatti พร้อมส่งมอบรถช่วงกลางปี 2021 นู่นเลย

3.Lamborghini Aventador SVJ

ใครที่ยังชื่นชอบเครื่องยนต์ V12 แบบเพรียวๆ ใน Lamborghini หรือรู้สึกว่ารถซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini จะต้องเป็นเครื่องยนต์ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น Lamborghini Aventador SVJ จะเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นสุดท้ายจาก Lamborghini ที่สามารถให้ในสิ่งนี้ได้ เพราะหลังจากรุ่นนี้แล้วจะไม่มี Lamborghini ใช้เครื่องยนต์ V12 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากความร่วมมือจากพลังงานไฟฟ้าอีกต่อไป มาด้วยเครื่องยนต์ ตัวถังขนาด 4.943×2.098×1.136 ม. ซึ่งมีน้ำหนักตัวเปล่า 1,525 กก. ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดิม คือ เครื่องเบนซิน DOHC วี 12 สูบ 60 องศาเครื่องยนต์ V12 6,500 ซีซีคาดว่าจะมาพร้อมกับ 760 แรงม้าและเริ่มการจำหน่ายเมื่อปลายปี 2016 เป็นรถซึ่งจะผลิตขายในจำนวนจำกัดเพียง 900 คัน และตั้งค่าตัวยังไม่รวมภาษีไว้ที่ระดับ 349,116 ยูโร หรือประมาณ 14.00 ล้านบาทไทย

4.Ferrari LaFerrari

LaFerrari ถือเป็นซูเปอร์คาร์คันแรงรุ่นแรกนับจากที่เอ็นโซ่เคยเปิดตัวเมื่อปี 2002 และถือเป็นผลผลิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสานต่อประเพณีในการผลิตตัวแรงแบบสุดๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่น 288 GTO ที่ผลิตในช่วงปี 1984-1985 ตามด้วย F40 (1987-1992) F50 (1995-1997) และเอ็นโซ่ (2002-2004) ขุมพลังหลักเป็นเครื่องยนต์เบนซินวี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,300 ซีซี ที่มีกำลังขับเคลื่อนถึง 789 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที ซึ่งอีกแค่ 250 รอบ/นาที ทำให้ตัวรถมีกำลังโดยรวมอยู่ในระดับ 950 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 91.7 กก.-ม.ในแง่ของสมรรถนะ LaFerrari ใช้เวลาต่ำกว่า 3 วินาทีในการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 15 วินาทีสำหรับย่านความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งก็ยังช้ากว่าลัมบอร์กินีใครที่สนใจก็เตรียมเงินเอาไว้เยอะๆ หน่อย เพราะค่าตัวไม่ธรรมดาแน่นอน โดยทางเฟอร์รารี่ตั้งเอาไว้ที่ 1.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 50.7 ล้านบาท และควรรีบตัดสินใจเสียด้วย เพราะว่ากันว่าผลิตออกมาแค่ 499 คันเท่านั้นเอง

5.Hennessey Venom F5

รถสปอร์ตรุ่นนี้มีน้ำหนักเพียง 1,338 กิโลกรัม โดยชื่อ F5 เป็นชื่อของระดับในการวัดความเร็วของทอร์นาโดตามมาตรวัด Fujita ซึ่ง F5 จะเป็นความเร็วที่มากสุดด้วยความเร็วในการหมุน 419-512 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นการสื่อให้เห็นถึงฝีเท้าที่มีอยู่ของรถสปอร์ตรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่ความเร็วปลายเท่านั้น Venom F5 ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นรถสปอร์ตที่สามารถผลิตแรง G ได้สูงที่สุดอีกด้วย
     ไม่ใช่แค่บอดี้ใหม่เท่านั้น แต่เครื่องยนต์วี8 7,400 ซีซี เทอร์โบคู่ ก็คือเครื่องยนต์ In-House บล็อกแรกของพวกเขา สามารถผลิตกำลังออกมาได้ 1,622 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 179.6 กก.-ม. และเลือกจับคู่ได้ว่าจะใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบคลัตช์เดี่ยว 7 จังหวะ หรือว่าอัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งจากการทดสอบด้วยเครื่อง V-Max ตัวรถสามารถทำความเร็วได้ถึง 300 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 10 วินาทีสำหรับการเร่งจาก 0-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ขณะที่เก๋งจ่ายกับข้าวเครื่องยนต์ 1,800 ซีซีบ้านเราใช้เวลาประมาณนี้ในการเร่งระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และ 20 วินาทีสำหรับระดับ 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง การผลิตจะมีเพียงแค่ 24 คันเท่านั้น และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2019 ด้วยราคา 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 52.8 ล้านบาท และงานนี้ไม่มีการจองหรือเลือกลูกค้าให้วุ่นวาย ใครกำเงินเดินมาหาที่โชว์รูมแล้วจ่ายเงินก็รับรถไปเลย…แฟร์ดี

เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 รถยนต์ที่เร็วและแรงที่สุดในโลกยังมีรถอีกหลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมายที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่านี้ให้กับผู้ที่ชื่นชอบพวกรถคงจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่เรานำเสนอมาและคอยติดตามพวกเราไว้จะมีเรื่องใหม่ๆเยอะแยะใหทุกท่านได้อ่านได้ชมกันอีก .

ใส่ความเห็น